ผ่าตัดไส้เลื่อนแบบส่องกล้อง แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว (Laparoscopic Hernia Repair)
โรคไส้เลื่อนคืออะไร อันตรายไหม ไส้เลื่อนเกิดจากอะไร
โรคไส้เลื่อน (Hernia) คือการเคลื่อนตัวของอวัยวะภายในออกจากตำแหน่งเดิม ผ่านรู ดันผ่านกล้ามเนื้อหรือพังผืดที่หย่อนยานสูญเสียความแข็งแรง ไปยังตำแหน่งอื่นๆ และมักมีลักษณะเป็นก้อนตุงออกมา ส่วนที่เคลื่อนตัวจะยังคงถูกห่อหุ้มด้วยเยื่อหุ้มเดิม ไส้เลื่อนพบบ่อยที่สุดบริเวณขาหนีบ โรคนี้แบ่งออกเป็นหลายชนิดตามตำแหน่งที่อวัยวะเคลื่อนไปและตามสาเหตุ การรักษาโรคไส้เลื่อนส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัด และพบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงทุกช่วงวัย
โรคไส้เลื่อนอาจเป็นอันตรายได้ตามความรุนแรง โดยภาวะที่รุนแรงที่สุดคือ Strangulated Hernia ที่อวัยวะที่เคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งที่อยู่เดิมได้ถูกบีบอัดหรือขมวดขัด ทำให้ร่างกายขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะ เกิดภาวะลำไส้อุดตัน หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ การเคลื่อนตัวของไส้เลื่อนยังสามารถทำให้มีอาการปวดและไม่สบายตัวได้ ดังนั้นถ้ามีอาการของโรคไส้เลื่อนควรรีบพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
สาเหตุของการเกิดไส้เลื่อน
ไส้เลื่อนเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
-
การหยุดทำกายภาพหรือการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม
-
การยกของหนักเกินไป
-
ความดันในช่องท้อง
-
อายุที่มากขึ้นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง
-
การเคลื่อนไหวซ้ำๆ หรือการงอและเหยียดตัว
-
โรคที่ทำให้เกิดความเครียดบริเวณช่องท้อง
อาการของโรคไส้เลื่อน
อาการของไส้เลื่อนมักปรากฏเมื่อผู้ป่วยทำกิจกรรมหรือยกของหนัก โดยจะมีอาการผิดปกติตามตำแหน่งของอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ อาการที่พบมากที่สุดคือ
- การเกิดก้อนบริเวณช่องอกหรือท้องโดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรมหนัก หรือการทำงานที่ต้องใช้แรงมาก เช่น ยกของหนัก โยกเบาะ งอและเหยียดตัว
- อาการเจ็บแน่นรุนแรง บริเวณก้อนไส้เลื่อน ซึ่งอาจรุนแรงขึ้นเมื่ออวัยวะที่เคลื่อนตัวออกมาบริเวณก้อน และสามารถเกิดการขาดตัวได้
- การอาเจียนและท้องอืด เนื่องจากกล้ามเนื้อของลำไส้หรือส่วนอื่นๆ อาจถูกบีบตัวเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวของร่างกาย
ไส้เลื่อนพบได้ที่บริเวณใด
ไส้เลื่อนขาหนีบ (Inguinal hernia)
เกิดจากการเคลื่อนตัวของอวัยวะภายในช่องท้องผ่านรูช่องเล็กใต้ช่องท้องของผู้ชาย หรือรูช่องเล็กในซี่โครงของผู้หญิง โดยส่วนที่เคลื่อนตัวจะเป็นไส้ติ่งหรือลำไส้ใหญ่ ไส้เลื่อนที่ขาหนีบพบได้บ่อยที่สุดในผู้ชาย และมักเกิดขึ้นในผู้ใหญ่สูงอายุกว่า 40 ปี
อาการของไส้เลื่อนขาหนีบมักจะมีการเกิดก้อนที่บริเวณขาหนีบ ซึ่งสามารถสัมผัสได้ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดหรือคันที่บริเวณก้อนที่นูนออกมา นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ เช่น อาการเบื่ออาหาร ท้องผูก หรือท้องเดินลง และมีรูปแบบของอาการที่แตกต่างกันไปตามแต่ละราย
การรักษาของไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบมักจะเป็นการผ่าตัด เพื่อเอาอวัยวะที่เคลื่อนตัวออกจากบริเวณขาหนีบและใช้ตาข่ายปิดช่องบริเวณนั้นๆ การผ่าตัดเป็นการรักษาไส้เลื่อนขาหนีบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง และมักไม่เกิดอาการซ้ำอีกในอนาคต
ไส้เลื่อนสะดือ (Umbilical hernia)
เกิดจากการเคลื่อนที่ของอวัยวะภายใน (เช่น ลำไส้เล็ก) ออกมาผ่านรูสะดือของผู้ป่วย ทำให้เกิดก้อนหนองที่สะดือหรือบริเวณหน้าท้อง ไส้เลื่อนที่สะดือส่วนใหญ่เกิดจากการกดของอวัยวะภายในออกมาผ่านกล้ามเนื้อช่องท้องที่อ่อนแอ ส่วนใหญ่จะไม่อันตรายมากถ้าผู้ป่วยไม่มีอาการปวดหรืออาการผิดปกติเพิ่มเติม แต่ในบางกรณีอาจเกิดอาการปวด อาการบวม หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหากไม่ได้รับการรักษาทันที ไส้เลื่อนบริเวณสะดืออาจเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และสามารถปรากฏขึ้นได้หลังจากเกิดการขยับตัว การออกกำลังกายที่ผิดปกติ หรือการเป็นโรคอ้วน เนื่องจากผู้ป่วยจะมีเนื้อเยื่อที่ยืดหยุ่น หย่อนตัว หรือบิดเบี้ยวได้ง่ายขึ้น
ไส้เลื่อนกระบังลม (Hiatal hernia)
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเนื่องจากกล้ามเนื้อกระบังลมไม่แข็งแรงพอที่จะรักษากระบังลมให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้กระบังลมเคลื่อนตัวไปยังช่องอกหรือส่วนอื่นๆ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแสดงออกมา เช่น กลืนอาหารไม่ได้ มีอาการแสบร้อน กรดไหลย้อน หายใจเหนื่อยเมื่อนั่งตัวตรง นอนหงาย หรือกลืนยา การวินิจฉัยจะใช้เทคนิคการทำ X-ray หรือการใช้ส่องกล้องทางช่องปากเพื่อตรวจภายในหลอดอาหาร (endoscopy)
ไส้เลื่อนผนังหน้าท้อง (Ventral hernia)
ไส้เลื่อนผนังหน้าท้องเป็นภาวะที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของลำไส้ผ่านช่องทางที่ผิดปกติที่ผนังหน้าท้อง สาเหตุหลักมักเกี่ยวกับความผิดปกติของผนังหน้าท้องที่อ่อนแอ ทำให้ลำไส้ซึ่งควรจะอยู่ภายในช่องท้องเลื่อนออกมาอยู่ภายนอกช่องท้อง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ อาจเกิดอาการปวดและไม่สะดวกในการขับถ่ายอุจจาระได้
ไส้เลื่อนแผลผ่าตัด (Incisional hernia)
มักเกิดในบริเวณที่เคยผ่าตัดไปแล้ว โดยจะมีเนื้อเยื่อหรือลำไส้นูนออกมาบริเวณแผลผ่าตัดที่ยังไม่หายขาด สาเหตุที่เกิดได้นั้นอาจเป็นเพราะผู้ป่วยออกกำลังกายหรือยกของหนักในขณะที่แผลผ่าตัดยังไม่หายขาด หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อหลังผ่าตัด รวมไปถึงพฤติกรรมการดูแลรักษาแผลผ่าตัดที่ไม่เหมาะสม เช่น สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาหลังผ่าตัด เป็นต้น
ไส้เลื่อนบริเวณที่ต่ำกว่าขาหนีบ (Femoral hernia)
เกิดขึ้นระหว่างต้นขาและต่ำกว่าสะโพก ไส้เลื่อนประเภทนี้มักเกิดขึ้นได้บ่อยกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ไส้เลื่อนบริเวณต่ำกว่าขาหนีบจะทำให้เกิดอาการเจ็บและบวมที่ช่องท้องส่วนล่าง อาการเหล่านี้อาจเป็นอันตรายเมื่อไส้เลื่อนไปติดขัดและทำให้เกิดการอุดตันของเลือดบริเวณนั้นหรือเกิดลำไส้อุดตันได้ ในกรณีที่ไส้เลื่อนไม่สามารถกลับเข้าไปได้เอง ผู้ป่วยจะต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการไส้เลื่อนที่เกิดขึ้น
ไส้เลื่อนภายในช่องเชิงกราน (Obturator hernia)
เป็นโรคไส้เลื่อนที่พบได้น้อยมาก โดยพบได้ในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้มีน้ำหนักตัวน้อย หรือผู้ที่เคยผ่าตัดที่ช่องเชิงกรานมาก่อน โดยอาการที่พบในผู้ป่วยคือ ความเจ็บปวดรุนแรงเมื่อเคลื่อนไหว ต้องยกเข่าขึ้นถึงจะนอนหลับได้ดีขึ้น มีอาการท้องผูก สำลัก หรืออาการเจ็บเมื่อถูกกดขยับในบริเวณขาด้านใน การวินิจฉัยโรคไส้เลื่อนภายในช่องเชิงกรานจะใช้วิธีการอัลตราซาวด์หรือการส่องกล้องเพื่อตรวจวินิจฉัย และรักษาโดยการผ่าตัดช่องเชิงกรานเพื่อป้องกันการเกิดภาวะไส้เลื่อนในอนาคต
ใครเสี่ยงเป็นไส้เลื่อน
โรคไส้เลื่อนเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือหญิง แต่มักพบบ่อยกับเพศชายและผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี โดยสาเหตุสำคัญที่เสี่ยงสูงคือการใช้กล้ามเนื้อในชีวิตประจำวัน เช่น การยกของหนัก การเล่นกีฬาบางชนิด หรือการทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนล่างของร่างกายเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมที่มาจาก พัฒนาการของโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก การเป็นโรคอ้วน หรือมีประวัติคนในครอบครัวที่มีผู้ป่วยที่เป็นไส้เลื่อนด้วย
วิธีรักษาไส้เลื่อนด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดไส้เลื่อนจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและอาการของผู้ป่วย หากเป็นไส้เลื่อนอย่างรุนแรงและทำให้เกิดอาการปวดหรือภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อ แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อป้องกันความอันตรายต่อชีวิต วิธีการผ่าตัดไส้เลื่อนแบ่งออกเป็น 3 วิธีหลัก คือ
-
การผ่าตัดเปิด (Open surgery) : เป็นการผ่าตัดที่ใช้เครื่องมือผ่าตัดเข้าไปในช่องท้องเพื่อทำการผ่าตัดรักษาบริเวณที่เป็นไส้เลื่อนโดยตรง ซึ่งขนาดแผลผ่าตัดเปิดจะมีขนาดประมาณ 10-20 เซนติเมตร โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลอย่างน้อย 3-5 วัน โดยจะต้องมีการตรวจสอบสภาพของแผลผ่าตัดและการดูแลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวเต็มรูปแบบประมาณ 4-6 สัปดาห์ก่อนกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
-
การผ่าตัดไส้เลื่อนแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Hernia Repair) เป็นวิธีการผ่าตัดแบบบาดเจ็บน้อย (Minimally Invasive Surgery) โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือส่องกล้องเข้าไปภายในช่องท้องเพื่อดูภาพและทำการผ่าตัดในบริเวณที่มีไส้เลื่อน การผ่าตัดผ่านกล้องมีข้อดีหลายอย่าง เช่น ไม่ทำให้เกิดแผลขนาดใหญ่บริเวณหน้าท้อง ขนาดแผลเล็กเพียง 0.5 – 1 เซนติเมตร จำนวน 3-5 รู คนไข้เสียเลือดน้อย ฟื้นตัวไว และสามารถกลับบ้านได้เร็วขึ้น
-
การผ่าตัดไส้เลื่อนแบบซ่อนแผล (Single-Port Laparoscopic Hernia Repair) เป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้องโดยที่อุปกรณ์ผ่าตัดเข้าทางรูสะดือเพียง 1 ตำแหน่ง แผลเล็กเพียง 0.5 – 1 เซนติเมตร รูสะดือสามารถม้วนเก็บหรือซ่อนแผล เมื่อแผลหายแล้วทำให้แทบจะไม่เห็นแผลจากการผ่าตัดเลย ข้อดีของการผ่าตัดไส้เลื่อนแบบซ่อนแผลคือผู้ป่วยจะเจ็บน้อยลง ฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าการผ่าตัดไส้เลื่อนแบบอื่นๆ
การผ่าตัดแบบส่องกล้องมีข้อดีดังนี้
แผลเล็ก: เนื่องจากเป็นการผ่าตัดส่องกล้องคนไข้จะมีแผลน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
เจ็บน้อย: ด้วยขนาดแผลที่เล็กลง คนไข้ก็จะรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง การใช้ยาแก้ปวดหลังการผ่าตัดไส้เลื่อนก็จะน้อยลงไปด้วย
ฟื้นตัวไว: ระยะเวลาในการฟื้นตัวหลังผ่าตัดสั้นลง ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้เร็วขึ้น
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดไส้เลื่อน
เพื่อการฟื้นตัวหลังการผ่าตัดไส้เลื่อนที่เร็วขึ้นและลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
-
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวหรือการออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อลดความเจ็บปวด
-
รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างเช่น ผัก ผลไม้ และอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและเร่งการฟื้นตัว
-
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้แผลผ่าตัดหายช้าและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนง่ายขึ้น
-
ดูแลแผลผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างเช่น การเปลี่ยนผ้าปิดแผล และหลีกเลี่ยงการแตะต้องแผลผ่าตัด
-
เมื่อพบอาการผิดปกติ เช่น แผลแดง บวม มีไข้ หรืออาการเจ็บปวดที่มากขึ้น ควรพบแพทย์ทันที
Package ผ่าตัดไส้เลื่อนส่องกล้อง
แพทย์เฉพาะทางการผ่าตัดไส้เลื่อน
นพ.ปวัน จันท์แสนโรจน์
แพทย์เฉพาะทางต่อยอด : ศัลยศาสตร์ส่องกล้องขั้นสูง
Fellowship of advance minimally invasive surgery, UCSF medical center USA
ความชำนาญ : ถุงน้ำดี, ไส้เลื่อน, กระเพาะอาหาร
อ.ปวัน จันท์แสนโรจน์ มีประสบการณ์การผ่าตัดรักษาไส้เลื่อนรวมมากกว่า 2,000 เคส ซึ่งเป็นแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดส่องกล้องรักษาไส้เลื่อนมากที่สุดในประเทศไทย
ผ่าตัดไส้เลื่อนที่ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง MSC ดีอย่างไร?
-
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคประสบการณ์สูง
-
ดูแลตลอดขั้นตอนการรักษา
-
มีบริการปรึกษาแพทย์ฟรี
-
ผ่าตัดและพักฟื้นที่โรงพยาบาล
-
เบิกประกันได้ และช่วยดูแลในกรณีมีค่าใช้จ่ายส่วนต่าง
ติดต่อศูนย์ MSC
ศูนย์ให้คำแนะนำการผ่าตัดผ่านกล้อง MSC
(Minimally Invasive Surgery Solution Center)
โรงพยาบาลเทพธารินทร์
3850 ถนนพระราม4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
065-509-4459
@msc.healthcare
msc.healthcare