“Empyema Thoracis” คือ ภาวะติดเชื้อรุนแรงที่ทำให้มีหนองสะสมอยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอด เกิดจากปอดติดเชื้อหรือปอดอักเสบที่รุนแรง มักเกิดหลังปอดบวมหรือโรคปอดอักเสบที่รักษาไม่หายขาด โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้สูงอายุ หรือมีโรคปอดติดเชื้อเรื้อรัง ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่ภาวะหายใจล้มเหลวและอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

หนองในปอด เกิดจากอะไร ?

“Empyema Thoracis” หรือ “หนองในปอด” ภาวะที่เนื้อเยื่อปอดถูกทำลายจนเกิดเป็นโพรงและมีหนองสะสมอยู่ข้างใน ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ปอดได้หลายช่องทาง โดยเฉพาะจาก “ฟันผุ” เหงือกอักเสบ หรือการติดเชื้อในช่องปากที่รุนแรง

เชื้อเหล่านี้ สามารถเดินทางผ่านกระแสเลือดหรือการสูดดมเข้าสู่ปอดได้ เช่น การสำลักเศษอาหาร น้ำลาย เชื้อโรคเหล่านี้ เดินทางจากช่องปากลงสู่ทางเดินหายใจและเข้าไปในปอดจนทำให้เกิดการติดเชื้อและกลายเป็นหนองในที่สุด

รวมไปถึงเชื้อโรคอื่น ๆ เช่น เชื้อรา หรือเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายเข้าสู่ปอด สำหรับผู้ป่วยบางรายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยมะเร็ง หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ฯลฯ การติดเชื้อจากโรคดังกล่าวเบื้องต้น ทำให้เกิดการรวมตัวของหนองในเนื้อปอดได้เช่นกัน

อาการเบื้องต้นของโรคหนองในปอด

อาการโรคหนองในปอด มักเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป บางรายจะแสดงออกในช่วง 2 – 3 สัปดาห์แรก และผู้ป่วยอาจมีอาการคล้ายไข้หวัด การติดเชื้อทางเดินหายใจทั่วไป ทำให้ผู้ป่วยมักไม่ทันสังเกตในระยะแรก อาการที่ควรระวัง มีดังนี้

  • ไข้สูงต่อเนื่อง หนาวสั่น มักเกิดขึ้นในช่วงค่ำและกลางคืน
  • ไอเรื้อรังที่มีเสมหะข้นหรือปนหนอง โดยเฉพาะเสมหะที่มีกลิ่นเหม็น เสมหะปนเลือด หรือเสมหะสีเหลืองเขียว
  • เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะตำแหน่งที่มีฝีในปอด
  • หายใจลำบาก หายใจเร็วกว่าปกติ
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร อ่อนเพลียผิดปกติ
  • เหงื่อออกมาก โดยเฉพาะตอนกลางคืน
  • มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน

“จุดสังเกตสำคัญ คือ ไอมีเสมหะปนเลือด หรือมีกลิ่นเหม็นเน่า”

หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าเป็น “หนองในปอด” หรือ “ฝีในปอด” ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายกันแต่ต้องรักษาต่างกัน หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาการอาจรุนแรง จนทำให้เกิด “ฝีในปอด” และมีความเสี่ยงต่อการลุกลามไปสู่อวัยวะอื่น ๆ

แยกให้ออกที่เป็นอยู่ “ฝีในปอด” หรือ “หนองในปอด”

“ฝีในปอด” และ “หนองในปอด” บางครั้งถูกใช้สลับกัน อาจทำให้เกิดความสับสน เนื่องจากทั้งสองมีอาการที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงโรคเดียวกัน แต่ในทางการแพทย์อาจแบ่งย่อยตามสาเหตุและลักษณะของโพรงหนอง

ฝีในปอด (Lung Abscess)

คือ การติดเชื้อที่ทำให้เกิดโพรงในเนื้อปอดที่มีหนองรวมตัวอยู่ ขณะที่หนองในปอดเป็นคำที่ใช้เรียกโดยทั่วไปสำหรับการติดเชื้อที่มีการสะสมของหนองในปอด

“ฝีในปอด” และ “หนองในปอด” ต่างเป็นภาวะที่มีหนองสะสม แต่ตำแหน่งและสาเหตุแตกต่างกัน

  • ฝีในปอด : หนองอยู่ในเนื้อปอด
  • หนองในปอด : หนองอยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอด

การวินิจฉัยที่ถูกต้องจำเป็นต้องใช้การตรวจทางการแพทย์ เช่น การเอกซเรย์ทรวงอก หรือ CT Scan จะช่วยแยกแยะอาการและหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ว่าเป็น “ฝีในปอด” หรือเป็นการติดเชื้อแบบอื่น จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการวางแผนรักษาที่เหมาะสม เพราะการปล่อยไว้โดยไม่รักษาจะทำให้โรคลุกลามและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

“หนองในปอด” เสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลวจริงหรือ ?

สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม เพราะการติดเชื้อในปอดที่รุนแรงและเรื้อรังอาจแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) อาจทำให้ปอดขยายตัวไม่ได้ ส่งผลต่อระบบหายใจ ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เพื่อที่จะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต ทำให้หัวใจล้มเหลวได้ในที่สุด และยังอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อไปยังอวัยวะอื่น ๆ เช่น สมอง กระดูก ซึ่งถือเป็นภาวะที่เป็นอันตรายต่อชีวิต

“ในกรณีรุนแรง อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่เดิม”

หนองในปอด ต้องผ่าตัดเท่านั้น ?

การรักษาหนองในปอดไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงและขนาดของฝีในปอด แต่จำเป็นต้องเอาหนองออกทุกกรณี โดยแพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อในเบื้องต้น จากนั้นจึงจะพิจารณาว่าจะระบายหนองออกด้วยวิธีใด โดยการรักษาเบื้องต้น มีดังนี้

  • การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

เป็นการรักษาหลักในระยะแรก โดยแพทย์จะเลือกให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำที่เหมาะสมกับชนิดของเชื้อโรค การให้ยาปฏิชีวนะอาจต้องใช้เวลานาน 4 – 6 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับอาการป่วยของคนไข้แต่ละราย ซึ่งใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนจนกว่าอาการจะดีขึ้น

  • การระบายหนอง (Drainage)

เป็นการรักษาด้วยวิธีการใส่เข็มหรือท่อเล็ก ๆ โดยการใส่สายระบายทรวงอก เพื่อระบายหนองออกจากปอด  แต่วิธีนี้ อาจไม่สามารถระบายหนองออกมาได้หมด ในกรณีที่ผู้ป่วยมีหนองในช่องเยื่อหุ้มปอดปริมาณมากกว่าปกติ บางกรณี แพทย์อาจใช้วิธีใส่สายระบายหนองร่วมกับการให้ยาปฏิชีวนะไปพร้อม ๆ กัน

  • การผ่าตัด (Decortication)

การรักษานี้ จะพิจารณาเมื่อการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลและอาการอยู่ในระยะที่ 2 – 3 หรือเมื่อฝีในปอดมีขนาดใหญ่มาก รวมไปถึงการมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงอื่น ๆ เช่น เลือดออกในปอด

แพทย์จะใช้การผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบันสามารถทำการผ่าตัดปอดแบบส่องกล้อง (VATS – Video-Assisted Thoracoscopic Surgery) โดยแพทย์จะสอดกล้องและเครื่องมือทางการแพทย์เข้าไปยังเยื่อหุ้มปอด วิธีนี้จะสามารถระบายหนองได้จนหมด และให้ผลเทียบเท่าการผ่าตัดแบบเปิด โดยผู้ป่วยจะมีแผลเพียงเล็ก ๆ ขนาด 3 – 4 CM. เท่านั้น แต่ที่ดีกว่าคือสามารถลดภาวะแทรกซ้อน ลดขนาดแผล รวมไปถึงการฟื้นตัวที่เร็วขึ้น ซึ่งจะแตกต่างกับการผ่าตัดแบบเปิด ที่มีแผลผ่าตัดยาวประมาณ 8 – 10 CM. ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการเจ็บปวดมากหลังผ่าตัดและมีภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย

“แต่ทุกกรณี หลังจากผ่าตัด ผู้ป่วยจำเป็นต้องใส่สายระบายทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 วัน”

หนองในปอด “รักษาช้า” เสี่ยงถึงชีวิต ?

ความจริงแล้ว “หนองในปอด” สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการรักษาที่เหมาะสม แต่การรักษาช้าอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การแพร่กระจายของเชื้อ เชื้ออาจลุกลามจนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดแฟบ ปอดทะลุ เลือดเป็นพิษ หรือหัวใจล้มเหลว ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การสังเกตอาการผิดปกติและรีบปรึกษาแพทย์จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

“การรอดชีวิตของผู้ป่วยหนองในปอดที่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 85 – 90%”

สำหรับท่านที่มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะหนองในปอดหรือภาวะอื่น ๆ อย่าปล่อยไว้! เลือก ปรึกษาแพทย์ฟรี ตอนนี้

ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง MSC Healthcare มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ เฉพาะทางพร้อมให้คำปรึกษาและหาวิธีรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน เพื่อให้ท่านได้รับการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นผ่านทางระบบ Telemed Service ที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน ช่วยให้ทราบถึงแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมกับภาวะของโรค และให้ผู้ป่วยได้เตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการรักษาได้มากที่สุด

MSC Healthcare ให้ความสำคัญกับผลการรักษาด้วยเทคนิคการผ่าตัดส่องกล้องที่ให้แผลขนาดเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยทุกเคส

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายได้ที่

โทร. 065-509-4459

Line : @msc.healthcare