การตรวจพบ “ก้อนที่ปอด” หรือ “จุดที่ปอด” จากการเอกซเรย์ หรือ CT Scan เป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนตกใจและวิตกกังวลรวมไปถึงผู้ป่วยและครอบครัว ว่าอาจเป็น “มะเร็งปอด” หรือไม่ ? แต่จุด หรือ ก้อนที่ปอดอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ใช่มะเร็งเสมอไป ตั้งแต่ที่ไม่เป็นอันตรายจนถึงที่ต้องรักษาอย่างเร่งด่วน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งแพทย์จะต้องประเมินจากลักษณะ ขนาด ตำแหน่ง และการเปลี่ยนแปลงตามเวลา รวมถึงอาการและประวัติของผู้ป่วยด้วย

ขนาดเท่าไหร่ ? เรียก “จุด” หรือ “ก้อน”

การแบ่งแยกระหว่าง “จุด” และ “ก้อน” ที่ปอดขึ้นอยู่กับขนาด :

จุดที่ปอด (Pulmonary Nodule)

  • ขนาดเล็กกว่า 3 ซม.
  • โอกาสเป็นมะเร็งปอดน้อยกว่าก้อน
  • ขนาดใหญ่กว่า 6 – 8 มม. ต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด

“ขนาดที่เล็กกว่า 4 มิลลิเมตร มักไม่เป็นอันตรายและอาจจะไม่ต้องติดตาม”

ก้อนที่ปอด (Pulmonary Mass)

  • ขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. ขึ้นไป
  • โอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าก้อน
  • อาจมีอาการร่วมด้วย เช่น ไอเรื้อรัง เจ็บหน้าอก

“ขนาดมีผลต่อการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้อดีหรือเนื้อร้าย ยิ่งก้อนใหญ่ ยิ่งต้องสงสัยว่าอาจเป็นมะเร็งปอด

ความแตกต่างนี้สำคัญเพราะ “ก้อนที่ปอด” มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่า “จุดที่ปอด” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกก้อนจะเป็นมะเร็งเสมอไป การจำแนกขนาดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินความเสี่ยงและแนวทางการตรวจวินิจฉัย เพราะยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย

ตรวจเจอแบบไหนอันตราย ?

  • การเปลี่ยนแปลงของ “จุด” สู่ “ก้อน”
    • จุดที่ปอดเล็ก ๆ : ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อเก่า เช่น วัณโรคที่หายแล้ว หรือ แผลเป็นจากการอักเสบ มักไม่อันตราย
    • ก้อนที่ปอดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ : ยิ่งมีขนาดโตเร็ว รูปร่างขอบไม่เรียบ หยักฟันปลา ยิ่งน่าสงสัยว่าอาจเป็น “มะเร็งปอด” มักต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
    • มีหลายจุดที่ปอด : บางครั้งอาจเป็นการกระจายของเชื้อวัณโรค หรือ การแพร่กระจายของมะเร็งจากอวัยวะอื่น
  • ลักษณะที่บ่งชี้ความอันตรายสูง
    • การเปลี่ยนแปลงของขนาดเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติ โตเร็วขึ้นผิดปกติ ในช่วง 3 – 6 เดือน มีโอกาสเป็น “มะเร็งปอด” สูง
    • ตำแหน่งใกล้ผนังหน้าอก
    • มีอาการ เช่น ไอเลือด เจ็บหน้าอก น้ำหนักลด ฯลฯ
  • ลักษณะที่มักไม่เป็นอันตราย
    • ถ้าก้อนมีการสะสมแคลเซียม หรือ มีลักษณะคล้ายป็อปคอร์น อาจเป็นเนื้องอกธรรมดา
    • มีหินปูนเกาะ เป็นสัญญาณของรอยแผลเป็นเก่า ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้น
    • ขนาดคงที่มาเป็นเวลานาน หากมีการตรวจติดตามมาหลายปีและพบว่าขนาดไม่เปลี่ยนแปลง

“มะเร็ง” หรือ “มาดี”

สาเหตุที่ไม่ใช่มะเร็ง (90% ของกรณี)

  • การติดเชื้อ เช่น วัณโรค เชื้อรา แบคทีเรีย ฯลฯ
  • แผลเป็นจากโรคในอดีต เช่น เคยติดเชื้อวัณโรค หรือ ติดเชื้อ อักเสบที่ปอดมาก่อน
  • แผลเป็นเก่า เช่น เคยประสบอุบัติเหตุแล้วเกิดเป็นแผลเป็น พอเวลาผ่านไปก็จะรวมตัวกันเป็นก้อน
  • เนื้องอกธรรมดา เช่น Hamartoma ก้อนเนื้อที่เป็นติ่ง ริดสีดวง ฯลฯ
  • สิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่น PM2.5 เขม่าควัน ที่เข้าไปสะสมผ่านการหายใจหรือสูดดม เป็นระยะเวลานาน ๆ อย่างต่อเนื่อง
  • การอักเสบหรือติดเชื้อ เช่น ฝีในปอด ปอดอักเสบ หรือ ปอดอักเสบจากเชื้อรา

สาเหตุที่เป็นมะเร็ง (10% ของกรณี)

  • อายุและประวัติการสูบบุหรี่ เช่น คนอายุเกิน 40 ปี ที่สูบบุหรี่มานาน มีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ
  • ตำแหน่งที่พบ ก้อนเดี่ยวบริเวณขอบนอกของปอด ขอบไม่เรียบ เป็นก้อนแข็ง หรือ มีการโตเร็วผิดปกติภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน
  • มะเร็งที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น เช่น เซลล์มะเร็งจากเต้านม มะเร็งลำไส้ หรือ ไต อาจสามารถแพร่มายังปอดได้
  • มะเร็งปอด เนื้อร้ายที่ต้องรักษาโดยเร็ว แพทย์อาจแนะนำการเจาะชิ้นเนื้อ หรือ ผ่าตัดออกมาตรวจอีกครั้งเพื่อความแม่นยำในการวินิจฉัยโรค

จุดเริ่มต้นของ “มะเร็งปอด”

ปัจจัยเสี่ยง

  • การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุหลักอันดับหนึ่ง (เสี่ยงเพิ่มมากขึ้นประมาณ 15 – 30 เท่า)
  • การสูดควันบุหรี่มือสอง
  • สารเคมีจากอุตสาหกรรม เช่น แร่ใยหิน ก๊าซเรดอน และสารเคมีอื่น ๆ
  • มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM2.5 เขม่าควันจากท่อไอเสียรถยนต์
  • ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นว่าคนปกติ
  • อายุที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงจะสูงขึ้นเมื่ออายุมากกว่า 60 ปี
  • โรคปอดเรื้อรัง

อาการเบื้องต้น

  • เจ็บหน้าอก
  • มีก้อนโตในต่อมน้ำเหลือง
  • ไอเรื้อรัง ไอมีเลือด
  • เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด
  • เสียงแหบ โดยไม่ทราบสาเหตุ

อ่านบทความที่น่าสนใจ : มะเร็งปอด รักษาหายได้ ไม่ต้องรอจริงหรือ ?

ถ้ารีบผ่าตัดจะ “หายขาด” หรือไม่ ?

กรณีที่ควรผ่าตัด

  • ก้อนในปอดหลังวินิจฉัยว่าเป็นเซลล์มะเร็ง ขนาดใหญ่กว่า 3 ซม.
  • ก้อนในปอดเพิ่มขนาดอย่างรวดเร็ว
  • มะเร็งในระยะแรกที่ยังไม่มีการแพร่กระจายไปไกล หรือ มีการกระจายไปเฉพาะต่อมน้ำเหลืองใกล้ ๆ และไม่มีการลุกลามไปที่อวัยวะสำคัญต่าง ๆ
  • ผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะรับการผ่าตัด

ผลการรักษา

  • หากเป็นมะเร็งระยะเริ่มต้น อัตราการรอดชีวิต 5 ปี 80 – 90%
  • หากเป็นก้อนเนื้อเยื่อดี การผ่าตัดมักรักษาหายขาด
  • การติดตามหลังผ่าตัดสำคัญมากในการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

สำหรับก้อนเล็ก ๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำ แพทย์อาจแนะนำการติดตาม CT Scan ทุก 3 – 6 เดือนแทนการผ่าตัด”

มะเร็งปอด แค่ผ่าตัดก็หายได้จริงหรือ ?

การรักษาไม่ได้ขึ้นอยู่กับการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว การผ่าตัดถือเป็นวิธีการรักษาหลัก ที่มีโอกาสทำให้โรคหายขาดได้ แต่จะได้ผลดีที่สุด คือ การรักษาในผู้ป่วยระยะเริ่มต้น (ระยะที่ 1 – 2) และก้อนมะเร็งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถผ่าตัดออกได้หมด แต่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การผ่าตัด เหมาะสำหรับ :

  • มะเร็งระยะที่ 1 – 2 (Stage I-II)
  • ผู้ป่วยที่มีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะผ่าตัด
  • มะเร็งยังไม่แพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ

วิธีรักษาอื่น ๆ ที่อาจใช้ร่วมด้วย :

  • การรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy)

เป็นการรักษาโดยการใช้ยาที่มีฤทธิ์ทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย ต่างจากการผ่าตัดซึ่งให้ผลเฉพาะที่ จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งปอดที่หลงเหลือหรือมีการหลุดรอดไปยังอวัยวะอื่น ๆ ช่วยให้มีโอกาสหายขาดและมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น

  • การรักษาด้วยรังสี (Radiation Therapy)

เป็นการรักษาด้วยการใช้รังสีที่มีพลังงานสูง เพื่อหยุดยั้งการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง สำหรับกรณีมะเร็งที่ผ่าตัดไม่ได้หรือกรณีที่ต้องลดขนาดก้อนมะเร็งก่อนการผ่าตัด

  • การรักษาแบบเป้าหมาย (Targeted Therapy)

เป็นการรักษาเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งให้หมดไป ซึ่งยามุ่งเป้าถูกออกแบบมาให้ออกฤทธิ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง

  • ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)

การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง และทำลายเซลล์มะเร็งที่เป็นสิ่งแปลกปลอมได้โดยตรง ทำให้สามารถควบคุมเซลล์มะเร็งในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ก้อนมะเร็งยุบลง

.

รศ. นพ. ศิระ เลาหทัย

ศัลยศาสตร์ทรวงอกสาขาเฉพาะทาง ผ่าตัดส่องกล้องปอด และ ต่อมไทมัส

.

อย่าปล่อยให้ “มะเร็งปอด” คืบคลานมาโดยไม่รู้ตัว

ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง MSC Healthcare มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ เฉพาะทางพร้อมให้คำปรึกษาและหาวิธีรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน เพื่อให้ท่านได้รับการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นผ่านทางระบบ Telemed Service ที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน ช่วยให้ทราบถึงแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมกับภาวะของโรค และให้ผู้ป่วยได้เตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการรักษาได้มากที่สุด

MSC Healthcare ให้ความสำคัญกับผลการรักษาด้วยเทคนิคการผ่าตัดส่องกล้องที่ให้แผลขนาดเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยทุกเคส

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายได้ที่

Line :  @msc.healthcare

โทร. 065-509-4459