หลายคนเลือกสูบ “บุหรี่ไฟฟ้า” เพราะคิดว่าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน แต่ความจริงที่น่าตกใจ คือ “ภาวะลมรั่วในปอด (Pneumothorax)” หรือ ที่คนทั่วไปเรียกกันว่า “ปอดรั่ว” มีสาเหตุไม่มากก็น้อยมาจากบุหรี่ไฟฟ้า และกลายเป็นความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ เมื่อได้ยินข่าวว่า มีผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าบางรายเจ็บหน้าอกเฉียบพลัน แม้บางรายจะสูบยังไม่ถึงปี แต่พบว่ามีภาวะลมรั่วในปอด

ลมรั่วในปอด / ปอดรั่ว / ปอดทะลุ เหมือนหรือต่างกันยังไง ?

หลายคนอาจสับสนกับคำว่า ลมรั่วในปอด, ปอดรั่ว และปอดทะลุ คำเหล่านี้มักใช้เรียกแทนกัน ซึ่งหมายถึง “ภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด (Pneumothorax)” คือ ภาวะที่มีอากาศรั่วออกจากถุงลมเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอด ไปสะสมอยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอด (Pleural Space) ระหว่างผนังทรวงอกกับผิวด้านนอกของปอด ทำให้เกิดแรงดันภายนอกมากดทับเนื้อปอด ส่งผลให้ปอดยุบลงและขยายตัวได้ไม่เต็มที่ หรือ เกิดปอดแฟบ (Collapsed Lung) นั่นเอง ในบทความนี้ แอดมินขอใช้คำว่า “ปอดรั่ว” แทนนะคะ

สาเหตุปอดรั่ว

1. ภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอดที่เกิดขึ้นเอง (Spontaneous Pneumothorax)

    คือ การเกิดภาวะลมรั่ว หรือ การแตกของถุงลมเล็ก ๆ ที่ผิดปกติบริเวณผิวปอด (Blebs / Bullae) ในช่องเยื่อหุ้มปอด ที่เกิดขึ้นเอง โดยไม่มีการกระทบกระเทือนจากภายนอกต่อทรวงอก แบ่งออกได้เป็น

    • Primary Spontaneous Pneumothorax : การเกิดภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอดเกิดขึ้นเองในผู้ป่วยที่แข็งแรงดีมาก่อนและไม่เคยป่วยด้วยโรคทางปอด แต่อาจจะเกิดจากพฤติกรรม หรือ สิ่งแวดล้อมเป็นตัวกระตุ้น เช่น การสูบบุหรี่ มลพิษทางอากาศ การออกแรงในบางกิจกรรมมากเกินไป เช่น วิ่งมาราธอน ยกของหนัก การดำน้ำ แรงกดอากาศจากการขึ้นที่สูง ฯลฯ
    • Secondary Spontaneous Pneumothorax : การเกิดภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด ที่เกิดขึ้นในผู้ที่ป่วยด้วยโรคปอดมาก่อน เช่น โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD – Chronic Obstructive Pulmonary Disease) วัณโรคปอด (TB – Pulmonary Tuberculosis) โรคปอดอักเสบเรื้อรัง เนื้องอกปอด ฯลฯ

    2. ภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอดที่เกิดจากการกระทบกระเทือน (Traumatic Pneumothorax)

      คือ การเกิดภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด ที่มีสาเหตุมาจากการกระทบกระเทือน การบาดเจ็บจากภายนอก หรือ มีลมซึมผ่านจากนอกทรวงอก เช่น ซี่โครงหักแทงปอด การถูกแทง การทำหัตถการทางการแพทย์ ฯลฯ

      อาการปอดรั่ว

      • เจ็บแปลบหน้าอกฉับพลัน ปวดหน้าอกมากขึ้นเวลาหายใจเข้า โดยเฉพาะข้างใดข้างหนึ่ง
      • หอบเหนื่อย เหนื่อยเฉียบพลัน เหมือนสูดอากาศไม่เต็มปอด
      • แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจเข้าไม่สุด หายใจตื้น
      • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
      • ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
      • ไอแห้ง ๆ

      “ถ้าปอดรั่วปริมาณมาก อาจเกิดภาวะหัวใจอันตรายถึงชีวิตได้”

      การรักษาปอดรั่ว

      สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษา คือ การกำจัดลมที่รั่วออกจากเยื่อหุ้มปอดเพื่อช่วยให้ปอดที่ยุบลงและขยายตัวไม่ได้ ให้สามารถกลับมาขยายตัวได้อย่างเต็มที่ 

      • เฝ้าสังเกตอาการ : สำหรับกรณีเล็ก ที่อากาศไม่รั่วต่อเนื่อง อาจเฝ้าสังเกตอาการรอให้ร่างกายดูดซึมอากาศคืนเอง ต้องเฝ้าระวังสัญญาณชีพและให้ออกซิเจนเพื่อช่วยลดเวลาในการดูดซึมอากาศ
      • เจาะดูดอากาศหรือใส่สายระบายลมออก : ถ้ารอยรั่วยังไม่ปิด หรือ เกิดซ้ำหลายครั้ง อาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
      • การผ่าตัด : มักใช้ในกรณีที่ลมรั่วมาก มีอาการรุนแรง หรือ เสี่ยงกลับเป็นซ้ำ เป็นการผ่าตัดเยื่อหุ้มปอด (Pleurectomy) บางส่วนออกไป

      ปอดรั่วสามารถรักษาหายได้ แต่มีโอกาสเป็นซ้ำสูง หากไม่เลิกสูบบุหรี่”

      “คนผอมสูง” เสี่ยงปอดรั่วมากกว่าจริง ?

      ทำไมถึงเสี่ยงมากกว่า ?

      งานวิจัยและรายงานทางการแพทย์หลายแห่งชี้ว่า คนที่มีรูปร่างสูงผอม โดยเฉพาะวัยรุ่นชาย มีความเสี่ยงต่อ “ปอดรั่ว” สูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า เนื่องจาก

      • การเจริญเติบโตที่รวดเร็ว ทำให้ปอดและช่องอกขยายตัวไม่สัมพันธ์กัน ส่งผลให้เกิดถุงลมโป่งพองเฉพาะจุดที่ยอดปอด ทำให้เกิดการแตกของถุงลมบริเวณขอบปอดได้ง่ายขึ้น
      • ช่องทรวงอกกว้าง ปอดยืดตัวได้มากกว่า
      • มีถุงลมขนาดใหญ่ที่ยอดปอด เสี่ยงแตกง่าย
      • แรงดันในปอดไม่สม่ำเสมอ

      กลุ่มเสี่ยงสูงสุด

      • ผู้ชายที่มีรูปร่างผอมสูง อายุระหว่าง 10 – 30 ปี
      • ส่วนสูงเกิน 180 ซม.
      • น้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐาน (BMI ต่ำกว่า 18.5)
      • สูบบุหรี่ หรือ บุหรี่ไฟฟ้า
      • มักเกิดเองโดยไม่มีโรคปอดนำมาก่อน

      กลุ่มความเสี่ยงสูง หากมีการสูบบุหรี่ร่วมด้วย ความเสี่ยงจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก”

      ภัยเงียบที่ของผู้หญิง “ปอดรั่ว” ขณะมีรอบเดือน

      “Catamenial Pneumothorax” คือ ภาวะปอดรั่วที่เกิดขึ้นเฉพาะช่วงมีประจำเดือน ซึ่งมักเกิดในช่วง 72 ชั่วโมงก่อน หรือ หลังมีประจำเดือน พบในผู้หญิงที่มีภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) โดยเซลล์เยื่อบุอาจฝังตัวในเยื่อหุ้มปอด ทำให้เกิดลมรั่วของลมในช่วงที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง

      “เป็นภาวะที่พบไม่บ่อย แต่ต้องรักษาด้วยฮอร์โมนและการผ่าตัด”

      สัญญาณเตือน

      … มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบากซ้ำ ๆ ในช่วงมีประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์ทันที …

      ความเสี่ยงใหม่ที่ไม่มีใครเตือนปอดรั่วจาก “บุหรี่ไฟฟ้า”

      “บุหรี่ไฟฟ้า” ทำให้เกิดภาวะปอดรั่วเฉียบพลันได้ แม้ในกลุ่มวัยรุ่นและคนอายุน้อยที่ไม่มีอาการของโรคปอดมาก่อน ซึ่งแตกต่างจากบุหรี่มวนที่ใช้เวลานานกว่า แม้บุหรี่ไฟฟ้าจะถูกมองว่า “ปลอดภัยกว่า” แต่การสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป เพราะสารเคมีที่กลายเป็นไอระเหยล้วนทำลายระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ยิ่งใช้นาน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง อาจกระตุ้นภาวะ “ปอดรั่ว” ได้ แม้จะสูบไม่ถึงปี หรือ มีโรคประจำตัวมาก่อน

      “การสูบบุหรี่ไฟฟ้า 1 ครั้ง ส่งนิโคตินถึงสมองใน 10 วินาที มากกว่าที่สูบบุหรี่ 1 มวน”

      ทำไมบุหรี่ไฟฟ้าอันตราย ?

      • โรคปอดอักเสบเฉียบพลัน : ผู้ป่วยทุกคนหลังจาก X-ray หรือ CT Scan ปอดมักจะมีความผิดปกติ เป็นฝ้าขาว และจะหายใจไม่ไหว ไม่สะดวกเท่าที่ผ่านมา
      • ความร้อนสูง :  ไอระเหยร้อนจัดทำลายเนื้อเยื่อปอด
      • การสูดแรง : ดูดแรงกว่าบุหรี่มวน ทำให้แรงดันในปอดสูงขึ้น
      • สารเคมี : เช่น โพรไพลีนไกลคอล กลีเซอรีน เมื่อสูดเข้าไปต่อเนื่อง อาจทำให้ปอด หรือ ถุงลมในปอดอักเสบและโป่งพอง

      “พบผู้ป่วยปอดรั่วจากบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยบางคนสูบไม่ถึง 1 ปี ก็มีอาการแล้ว”

      ปอดรั่วแบบไม่รู้ตัว เมื่ออาการแน่นหน้าอกไม่ใช่แค่ “โรคหัวใจ”

      อาการแน่นหน้าอกและเจ็บหน้าอก ไม่ได้หมายถึงโรคหัวใจเสมอไป หลายครั้งอาการเหล่านี้ คือสัญญาณเตือนของปอดรั่ว โดยเฉพาะในรายที่รูรั่วมีขนาดเล็ก หรือ ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง อาจมีอาการเพียงเล็กน้อยจนละเลย

      หากมีอาการ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยด้วยการเอกซเรย์ เพราะหากปล่อยให้ปอดแฟบลงเรื่อย ๆ จนเต็มช่องอก อาจเกิดภาวะแรงดันสูงในช่องอก (Tension Pneumothorax) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

      อ่านบทความที่น่าสนใจ : แน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย ใจสั่น อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหัวใจ

      อาการที่หลายคนมักสับสน

      ปอดรั่วมักสับสนกับโรคหัวใจ เพราะทั้งสองมีอาการคล้ายกันเบื้องต้น ดังนี้ :

      • เจ็บหน้าอก
      • หายใจลำบาก
      • ใจสั่น

      ความแตกต่าง

      ปอดรั่ว :

      • เจ็บหน้าอกมากขึ้นเวลาหายใจเข้า ไม่สามารถหายใจลึกได้ (คล้ายโดนเข็มทิ่ม)
      • อาการเจ็บหน้าอกมากขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว หรือ เปลี่ยนอิริยาบถ
      • เจ็บแปลบที่หน้าอกทันที เจ็บหน้าอกข้างใดข้างหนึ่ง
      • หายใจถี่ หายใจหอบเหนื่อย

      โรคหัวใจ :

      • เจ็บหน้าอกแผ่ไปที่แขนซ้าย คอ และขากรรไกร
      • แน่นหน้าอก เหมือนมีของหนักทับ
      • เจ็บกลางหน้าอก

      “หากมีอากาศรั่วเข้าไปมาก อาจทำให้ปอดแฟบและหัวใจถูกบีบอันตรายถึงชีวิตได้”

      หากคิดว่ากำลังมีอาการปอดรั่ว ควรทำอย่างไร ?

      หากมีอาการสงสัย :

      • ตั้งสติและหยุดทำกิจกรรมทันที : อย่าออกแรง พักนิ่ง ๆ เพื่อลดความตื่นตระหนก
      • นั่ง หรือ นอนตัวตรง : ช่วยให้หายใจง่ายขึ้น
      • หายใจลึก ๆ ช้า ๆ : อย่าหายใจตื้นเร็ว และพยายามสงบ
      • เรียกรถพยาบาล : โทร 1669 ทันที
      • ไม่ควรขับรถไปโรงพยาบาลเอง : อาจหมดสติระหว่างทาง
      • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ใช้แรงมาก : หรือ กิจกรรมที่ทำให้ต้องออกแรงเบ่ง

      อาการที่ต้องรีบไปโรงพยาบาล : 

      • เจ็บแปลบหน้าอกเฉียบพลัน หายใจลำบาก หายใจหอบเหนื่อย
      • หน้าอกข้างหนึ่งไม่ขยับเวลาหายใจ
      • มึนงง ไม่รู้สึกตัว
      • ริมฝีปากเขียว

      “การวินิจฉัยเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจถูกเบียด หรือ ภาวะช็อก”

      การรักษาอาการปอดรั่วในปัจจุบัน

      1. การสังเกตอาการ (Observation)

      เป็นการเฝ้าระวังและรักษาอาการให้อากาศถูกดูดซึมเอง

      • สำหรับระยะเบา
      • พักรักษาที่โรงพยาบาล 24 – 48 ชั่วโมง
      • ให้ออกซิเจนเข้มข้น เพื่อเร่งการดูดกลับของลม ช่วยให้ร่างกายดูดซึมลมในช่องเยื่อหุ้มปอดเร็วขึ้น

      2. การดูดอากาศด้วยเข็ม (Needle Aspiration)

      • ดูดอาการศออกด้วยเข็ม เป็นการใส่เข็มขนาดเล็ก เพื่อดูดอากาศออก
      • เจ็บน้อย หายเร็ว ใช้เวลาไม่นาน

      3. การใส่ท่อระบายอากาศ (Chest Tube)

      เป็นวิธีที่ใช้บ่อยที่สุด โดยการสอดท่อระบายเล็ก ๆ เข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอด เพื่อระบายอากาศที่ค้างอยู่ออกไป ทำให้ปอดขยายตัวกลับมาทำงานได้ปกติ

      • ใส่ท่อขนาดเล็กระหว่างซี่โครงต่อกับเครื่องดูดอากาศ
      • อยู่โรงพยาบาล 3 – 7 วัน

      4. การผ่าตัด (Surgery)

      เมื่อลมรั่วมาก แพทย์จะแนะนำผ่าตัดปิดส่องกล้องแผลเล็ก (VATS) เพื่อตัดถุงลมที่แตกและทำพังผืดเชื่อมเยื่อหุ้มปอด (Pleurodesis) ลดโอกาสการเกิดซ้ำอย่างถาวร

      • ซ่อมแซมจุดรั่ว ป้องกันเป็นซ้ำ
      • อยู่โรงพยาบาล 5 – 7 วัน

      “วิธีรักษาสมัยใหม่มีอัตราสำเร็จสูงกว่า 95% แต่มีโอกาสเป็นซ้ำ 20 – 30% โดยเฉพาะคนที่ยังสูบบุหรี่”

      ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการดำน้ำ ขึ้นเครื่องบิน และต้องเลิกสูบบุหรี่ทันทีเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

      .

      รศ. นพ. ศิระ เลาหทัย

      ศัลยศาสตร์ทรวงอกสาขาเฉพาะทาง ผ่าตัดส่องกล้องปอด และ ต่อมไทมัส

      .

      “ภาวะปอดรั่ว” เป็นโรคที่อันตรายแต่รักษาหายได้ คนที่สูบบุหรี่ควรสังเกตอาการตัวเอง หากพบอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์ หากรู้ทันอาการ ตรวจพบเร็ว และเข้าถึงการรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ปอดของคุณกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

      ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง MSC Healthcare มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ เฉพาะทางพร้อมให้คำปรึกษาและหาวิธีรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน เพื่อให้ท่านได้รับการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นผ่านทางระบบ Telemed Service ที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน ช่วยให้ทราบถึงแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมกับภาวะของโรค และให้ผู้ป่วยได้เตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการรักษาได้มากที่สุด

      สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายได้ที่

      โทร. 065-509-4459

      Line : @msc.healthcare