
มะเร็งรังไข่ เป็นโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นกับอวัยวะสืบพันธุ์สตรี พบได้มากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งปากมดลูก และเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงไทยมากเป็นอันดับที่ 6 การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ สาเหตุและอาการมะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้น เป็นวิธีช่วยลดความเสี่ยงก่อนที่โรคมะเร็งจะเข้าสู่ระยะลุกลาม และช่วยให้แพทย์ทำการรักษาได้ทันท่วงที
มะเร็งรังไข่คืออะไร?
มะเร็งรังไข่ (Ovarian Cancer) คือ โรคมะเร็งที่เกิดบริเวณรังไข่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิง โดยการเกิดขึ้นของมะเร็งรังไข่นั้นมาจากเซลล์มะเร็งที่อยู่ในรังไข่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว และหากไม่ได้รับการรักษาก็จะลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย มะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้น มักจะไม่แสดงอาการที่ชัดเจน การตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้หญิงจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้รู้ถึงความผิดปกติ และวิเคราะห์ความเสี่ยงของโรคเพิ่มเติมได้
อ่านบทความที่น่าสนใจ : รู้ก่อนตรวจ! ตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้หญิง ควรตรวจอะไรบ้างในแต่ละช่วงวัย?

รังไข่ทำหน้าที่อะไรในร่างกายผู้หญิง?
รังไข่มีลักษณะเป็นวงรี ขนาด 2-3 ซม. อยู่บริเวณข้างปีกมดลูกทั้งสองข้าง มีท่อรังไข่ยื่นออกมาจากมดลูกและช่องคลอด หน้าที่หลักคือการผลิตไข่ ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์ของเพศหญิง และผลิตฮอร์โมน 2 ชนิด ได้แก่
- ฮอร์โมนเอสโทรเจน (Estrogen) : ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ทั้งด้านลักษณะของเพศหญิง การเจริญเติบโตทางเพศ การตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน และภาวะหมดประจำเดือน
- ฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน (Progesterone) : ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมภาวะไข่ตก การมีประจำเดือน และช่วยกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว เพื่อรับการฝังตัวของตัวอ่อน รวมถึงช่วยควบคุมการทำงานพื้นฐานของร่างกาย และควบคุมการตั้งครรภ์
ความแตกต่างระหว่างถุงน้ำรังไข่ทั่วไปกับมะเร็งรังไข่
แม้ว่า ถุงน้ำรังไข่และมะเร็งรังไข่ จะเกิดขึ้นกับรังไข่เช่นเดียวกัน แต่ทั้ง 2 โรคนี้ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
- ถุงน้ำรังไข่ หรือซีสต์รังไข่ : มีลักษณะเป็นถุงน้ำที่มีของเหลวสะสมภายใน เกิดได้จากหลายสาเหตุ ขึ้นอยู่กับชนิดของถุงน้ำรังไข่ที่พบ ซึ่งมีทั้งชนิดที่หายได้เอง และต้องรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำรังไข่
- มะเร็งรังไข่ : คือเนื้องอกรังไข่ ชนิดที่เป็นเนื้อร้าย เกิดจากแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์รังไข่ และสามารถลุกลามแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ได้ มีความรุนแรงของโรคมากกว่าถุงน้ำรังไข่

อาการแบบไหนเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้น?
มะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้น มักไม่มีอาการที่แสดงให้เห็นชัดเจน และไม่มีอาการที่ตายตัว ผู้ป่วยอาจมีได้ตั้งแต่อาการเดียว ไปจนถึงหลายอาการร่วมกัน โดยอาการที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้น อาจสังเกตได้ ดังนี้
1. แน่นท้อง ท้องอืดบ่อยโดยไม่มีสาเหตุ
โดยปกติแล้ว อาการท้องอืด แน่นท้อง อาจเกิดได้หลังทานอาหารมื้อใหญ่ หรือเกิดขึ้นช่วงก่อนมีประจำเดือน แต่หากสังเกตเห็นว่ามีอาการท้องอืด แน่นท้องเป็นประจำทุกวัน และมีอาการตั้งแต่ธรรมดาไปจนถึงรุนแรงมาก นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนอาการของโรคมะเร็งรังไข่ในระยะเริ่มต้นได้
2. ปวดหน่วงในท้องน้อย หรือรู้สึกกดเจ็บคล้ายปวดประจำเดือนเรื้อรัง
โดยปกติแล้วผู้หญิงมักจะมีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน แต่หากมีอาการปวดลักษณะคล้ายกับมีแรงกดทับอยู่บริเวณอุ้งเชิงกราน และเกิดขึ้นหลังมีประจำเดือนเป็นประจำ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนโรคมะเร็งรังไข่
3. ปัสสาวะบ่อย หรือรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
อาการปัสสาวะบ่อย อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะของโรคมะเร็งรังไข่ อาจมีความรู้สึกปวดมากและต้องรีบเข้าห้องน้ำทันที นั่นอาจเป็นเพราะปัสสาวะถูกเนื้องอกกดทับ หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เป็นผลมาจากเนื้องอกบางประเภท
4. เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ
หนึ่งในอาการที่มักเกิดขึ้นจากโรคมะเร็ง หากพบว่ามีน้ำหนักลดลงโดยที่ไม่ได้อยู่ในช่วงพยายามลด โดยเฉพาะเมื่อน้ำหนักตัวลดลงมากกว่า 5% ภายใน 6 เดือน บางรายอาจมีอาการเบื่ออาหาร นั่นอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคมะเร็งรังไข่ได้
5. ประจำเดือนผิดปกติ หรือเลือดออกผิดจังหวะ
อาการที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ โดยอาการมะเร็งรังไข่อาจเป็นได้ทั้งประจำเดือนมามากผิดปกติ เช่น มามากและมานานเกินกว่า 7 วัน หรือมีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งกรณีหลังอาจมีอาการปวดคล้ายกับปวดประจำเดือนร่วมด้วย
มีความกังวล หรือสงสัยเกี่ยวกับอาการของโรคมะเร็งรังไข่ อย่าปล่อยไว้ ปรึกษาแพทย์ ทันที
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่?
โรคมะเร็งรังไข่นั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่จะมีโอกาสเกิดได้สูงในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงจากปัจจัยต่อไปนี้
1. พันธุกรรมและประวัติครอบครัว
ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวสายตรงเคยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ หรือโรคมะเร็งนรีเวชอื่น ๆ มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคมะเร็งรังไข่จากพันธุกรรม
2. ผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป
ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป จะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีประจำเดือนก่อนอายุ 12 ปี และเป็นผู้ที่มีโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ร่วมด้วย หรือเคยผ่านการฉายแสงบริเวณอุ้งเชิงกรานมาก่อน
3. ผู้ที่ไม่เคยตั้งครรภ์ หรือมีรอบเดือนนาน
นอกจากนี้ผู้ที่ไม่เคยตั้งครรภ์ มีรอบเดือนนานเป็นประจำ หรือเป็นผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากและต้องใช้ยากระตุ้นการตกไข่ กลุ่มนี้ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่ได้
วิธีตรวจวินิจฉัยมะเร็งรังไข่เบื้องต้น
การวินิจฉัยโรคมะเร็งรังไข่อาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน เพื่อให้ยืนยันว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ โดยแพทย์อาจใช้ 3 วิธีร่วมกัน ดังนี้
1. ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องหรือตรวจภายใน
การอัลตราซาวด์ช่องท้องหรือตรวจภายใน ช่วยให้แพทย์ตรวจพบก้อนเนื้อได้รวดเร็ว และเป็นวิธีที่ช่วยให้พบมะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้นได้
2. การตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง (CA-125)
วิธีตรวจมะเร็งรังไข่จากเลือด แพทย์จะตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็ง CA-125 และ HE4 โดยทำการวินิจฉัยร่วมกับอัลตราซาวด์ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการหารอยโรค
3. ตรวจชิ้นเนื้อหากพบความผิดปกติ
วิธีตรวจชิ้นเนื้อ โดยการตรวจหาเนื้อเยื่อข้างในอุ้งเชิงกราน และเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อไปเข้าห้องปฏิบัติการ เพื่อวินิจฉัยทางพยาธิวิทยา

รักษามะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้นอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคมะเร็งรังไข่ แพทย์จะพิจารณาวิธีที่เหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง อายุของผู้ป่วย ระยะของโรค และความต้องการมีบุตรในอนาคตของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม การรักษามะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้น แพทย์อาจใช้วิธีดังต่อไปนี้
การผ่าตัดนำรังไข่หรือก้อนออก
แพทย์จะทำการผ่าตัดรังไข่และท่อนำรังไข่ข้างที่ตรวจพบ รวมถึงต่อมน้ำเหลืองและเนื้อเยื่อในบริเวณใกล้เคียงออก กรณีที่ตรวจพบมะเร็งรังไข่ทั้ง 2 ข้าง ต้องทำการผ่าตัดรังไข่ออกทั้งหมด และอาจต้องพิจารณาผ่าตัดมดลูกออกด้วยสำหรับผู้ป่วยที่เข้าสู่วัยทอง หรือไม่ต้องการมีบุตรอีก
โดยนอกจากการผ่าตัดแบบเปิดแล้ว ปัจจุบันสามารถเลือกผ่าตัดแบบ V-Notes Surgery ซึ่งเป็นเทคนิคผ่าตัดผ่านช่องคลอด ที่มีข้อดีในเรื่องแผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และให้ผลการรักษาได้ดี
อ่านบทความที่น่าสนใจ : ผ่าตัดมดลูกทางช่องคลอดไร้แผล (Vaginal hysterectomy) เทคนิคใหม่ที่เข้าใจผู้หญิง
เคมีบำบัดหรือการใช้ยาเพิ่มเติมในบางกรณี
การใช้สารเคมีบำบัด ส่วนใหญ่แพทย์จะพิจารณาเป็นแนวทางรักษาหลังผ่าตัด โดยใช้สารเคมีเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งที่อาจตกค้างภายในร่างกาย หรือในบางรายอาจใช้รักษาก่อนการผ่าตัดเพื่อลดความรุนแรงของโรค ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่ตรวจพบด้วย
แนวทางการฟื้นฟูและติดตามผลระยะยาว
หลังการรักษามะเร็งรังไข่ ต้องมีการตรวจติดตามผลเป็นระยะ ๆ โดยการตรวจภายใน ตรวจเลือดเพื่อหาค่าบ่งชี้มะเร็ง และอาจต้องเอกซเรย์เพิ่มเติมในบางราย ซึ่งการติดตามผลแพทย์อาจนัดตรวจทุก 3 เดือน ในช่วง 2 ปีแรก หากไม่พบความผิดปกติ อาจพิจารณาเป็นทุก 4-6 เดือน ซึ่งการติดตามผลระยะยาวโดยส่วนใหญ่แล้ว หากครบ 5 ปี จะถือว่ามีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้น้อยมาก แต่ก็ต้องพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอด้วย
รู้ทันมะเร็งรังไข่ ช่วยรักษาได้เร็วและมีโอกาสหายสูง
มะเร็งรังไข่ ภัยร้ายสำหรับผู้หญิงที่ต้องระวัง หากท่านอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น มีประวัติคนในครอบครัวสายตรงเคยป่วยด้วยโรคมะเร็งรังไข่ หรือมีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป การตรวจสุขภาพประจำปี เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยคัดกรองความผิดปกติของร่างกาย และเพิ่มโอกาสที่จะตรวจพบมะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้นได้ ซึ่งโรคนี้ยิ่งตรวจพบเร็วยิ่งมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้
.
นพ. กิตติ ตู้จินดา
ศัลยแพทย์เฉพาะทางเชี่ยวชาญเฉพาะด้านโรคนรีเวช
.
สำหรับท่านที่มีความกังวล หรือมีอาการบ่งชี้ที่ใกล้เคียงกับอาการมะเร็งรังไข่ อย่ารอจนโรคลุกลามสามารถปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่ MSC Healthcare ได้ทันที โดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมให้คำปรึกษาผ่านระบบ Tele-Med ที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน เพื่อให้ท่านได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้น และทราบถึงแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับระยะของโรค ช่วยให้ผู้ป่วยเตรียมพร้อมได้มากที่สุด หากจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งรังไข่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายได้ที่
โทร. 065-509-4459
Line : @msc.healthcare


English